การดูแลสุขภาพของผู้ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานทำได้ด้วย การปรับพฤติกรรมชีวิต ลดน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยใช้การควบคุมอาหาร การออกกำลังกายหรือมีการเคลื่อนไหวทางกายอยู่เสมอ นอกจากนี้การควบคุมอารมณ์ให้แจ่มใสตลอดเวลา ไม่เครียดง่ายจะเป็นการลดความเสี่ยง ทำให้ห่างไกลจากเบาหวานอย่างแน่นอน
Category Archives: เกร็ดความรู้
การกิน ขนมหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่ชงใส่น้ำตาลต่างๆ หลังการกินอาหารมื้อหลัก ใช่ว่าจะมีแค่ ความอร่อย ความสดชื่น เท่านั้น รับประทานหลังอาหารมื้อเย็นหรือก่อนนอนจนติดเป็นกิจวัตรประจำวัน ทำให้ส่งผลเสียแก่สุขภาพหลายอย่างตามมา 1.น้ำหนักขึ้นง่าย อ้วนอาหารหวาน มีน้ำตาลที่ให้พลังงานสูง หลังอาหารมื้อเย็นไปแล้ว มักจะเป็นช่วงพักผ่อนที่ไม่ค่อยได้ทำงานหรือออกกำลังกายแล้ว นั่นหมายถึงร่างกายไม่มีเวลาเผาผลาญแคลลอรี่ที่กินเข้าไปได้หมดแน่ น้ำตาลจะแปรสภาพเป็นไขมัน เกาะอยู่ตามต้นแขน ต้นขา หรือที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือหน้าท้อง 2.เพิ่มน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน การกินของหวาน, อาหารที่เป็นแป้ง, เสี่ยงต่อการเพิ่มน้ำตาลในเลือดมาก แม้เป็นผู้ที่มีน้ำตาลปกติ หากกินบ่อยๆก็เสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานได้ เพราะร่างกายสามารถดูดนำไปใช้หรือเก็บได้ทันทีทำให้ต้องหลั่งอินซูลินมากเพื่อให้กำจัดน้ำตาลให้หมด สุดท้ายการหลั่งอินซูลินจะแปรปรวนจนกลายเป็นโรคเบาหวานได้ 3.นอนหลับยากหรือนอนไม่หลับ การกินอาหารเข้าไปมากๆก่อนนอนจะทำให้ร่างกายโดยเฉพาะกระเพาะอาหารทำงานหนักไม่ได้หยุดหรือช้าเหมือนอวัยวะอื่นๆ ส่งผลให้การนอนหลับเป็นไปได้ไม่ดีเพราะกระเพาะอาหารยังคงทำงาน ทำให้เกิดพลังงานและความร้อนจนทำให้มีอาการนอนกระสับกระส่าย ร่างกายก็พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไม่หมด ไม่สดชื่นหลังการตื่นนอนอีกด้วย 4.ผิวพรรณไม่ดี แก่ง่าย ฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำงานได้ไม่เต็มที่ การเผาผลาญพลังงานทำได้ไม่หมด อวัยวะต่างๆรวมทั้งผิวพรรณ คอลลาเจนและอิลาสติน ยังคงถูกทำลาย จะส่งผลให้ ร่างกายเสื่อม การกินของหวานหลังมื้อเย็น หากทำไม่บ่อย นานๆครั้งจะไม่เกิดผลอะไรแต่ถ้าหาก ทำเป็นนิสัย ยิ่งเป็นผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากๆ ไม่ออกกำลังกายนานวันไป จะเกิดผลเสียดังที่กล่าวไปอย่างแน่นอน […]
1. มีอาการสับสน มีภาวะพูดลำบาก 2. เดินเซ เวียนศีรษะ ทรงตัวลำบาก ใช้แขนขาได้ไม่ปกติ 3. ตาเห็นภาพซ้อนมองเห็นครึ่งซีกหรือตามัวข้างเดียว 4. ใบหน้า แขนขา ชาหรืออ่อนแรง ครึ่งซีก 5. ปวดศีรษะอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ 6. มีภาวะกลืนลำบาก ปากเบี้ยว อาการเหล่านี้มักเกิดอย่างเฉียบพลันในรายที่มีภาวะสมองขาดเลือดแบบชั่วคราว อาจเกิดขึ้นชั่วขณะแล้วหายไปเอง หรืออาจเกิดขึ้นหลายครั้ง ก่อนจะมีอาการสมองขาดเลือดอย่างถาวร สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยต้องสังเกตอาการข้างต้นและรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดจะช่วยลดการเสียชีวิตและความพิการได้ เนื่องจากเซลล์สมองขาดเลือดเพียง 1 นาที จะมีเซลล์สมองตายประมาณ 1 ล้านเซลล์ ถ้าได้รับการรักษาช้าอาจทำให้เกิดความพิการมากขึ้น สำหรับแนวทางเพื่อลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง คือ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหาร รสเค็มจัดไขมันสูง ควบคุมระดับความดันโลหิต ไขมันและน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบหรี่ รวมถึงตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยง ดังนั้นประชาชนควรตระหนักและมีความรู้ถึงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และตลอดจน อาการเบื้องต้นของโรค หากผู้ที่เป็นโรคนี้อยู่แล้วควรรักษาและรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ปฏิบัติตัวตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด และรีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและความพิการ
SAFE LIFE SAFE DRIVE ”ดื่มไม่ขับ สวมหมวกกันน็อค คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ใช้มือถือขณะขับขี่ และขับรถเร็วไม่เกินกฎหมายกำหนด “ #Medico #Medicoconnect #บริษัทเมดิโคคอนเน็ค #สงกรานต์ #ขับขี่ปลอดภัย
ปวดศีรษะบ่อยๆ จะต้องหมั่นสังเกตอาการปวดที่ตัวเองเป็นอยู่ว่าเกิดขึ้นบริเวณตำแหน่งใดอาการปวดศีรษะจะไม่เป็นอันตราย แต่การรักษาอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญรวมถึงการคอยสังเกตความผิดปกติหรือสัญญาณอันตรายที่เกิดขึ้น จะช่วยให้เราได้รับการวินิจฉัยและรักษาได้ทันท่วงที เครียด : ปวดรอบศีรษะ อาการปวดหัวรอบศีรษะถือเป็นอาการที่พบมากที่สุด เกิดจากการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณรอบศีรษะ มักพบในตำแหน่งบริเวณหน้าผากและขมับทั้งสองข้าง หรือบางครั้งก็อาจจะปวดร้าวมาที่ด้านหลังของศีรษะ ต้นคอ รวมถึงบ่าไหล่ ซึ่งอาการปวดหัวในตำแหน่งนี้สัมพันธ์กับความเครียด ไมเกรน : ปวดขมับด้านใดด้านหนึ่ง อาการปวดหัวบริเวณขมับด้านใดด้านหนึ่ง หรือบางคนอาจมีอาการปวดสลับข้างกัน และอาจมีอาการอาการปวดร้าวที่กระบอกตาร่วมด้วย ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ และอาการปวดอาจแย่ลงหากอยู่ในที่แสงสว่างจ้า เสียงดัง หรือมีกลิ่นฉุน อาการปวดหัวที่บริเวณนี้มักดังเกิดจากโรคไมเกรน ไซนัส : ปวดโหนกแก้มทั้งสองข้างถึงหน้าผาก ดั้งจมูก อาการปวดหัวที่บริเวณโหนกแก้มทั้งสองข้างลงมาจนไปถึงบริเวณหน้าผาก หรือปวดบริเวณดั้งจมูก ซึ่งเป็นตำแหน่งของไซนัส หากมีอาการอักเสบของไซนัสก็จะมีอาการปวดที่บริเวณดังกล่าว กรามอักเสบ : ปวดหน้าใบหู อาการปวดบริเวณนี้มักสัมพันธ์กับการเคี้ยวอาหาร และอาการกัดฟันเวลานอนหลับด้วย เพราะสามารถทำให้กระดูกกรามหน้าใบหูอักเสบได้ หลอดเลือดสมอง/เนื้องอกสมอง : ปวดศีรษะรุนแรง ในกรณีที่มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงหรือไม่เคยปวดหนักขนาดนี้มาก่อน และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การมองเห็นผิดปกติ เห็นภาพซ้อน มองเห็นไม่ชัด มีอาการชา กล้ามเนื้อแขน ขา อ่อนแรง […]
กฎ 8-8-8 กฎการใช้ชีวิตให้สมดุล 8 ชั่วโมงสำหรับการทำงาน จัดลำดับความสำคัญของงาน งานสำคัญและเร่งด่วนที่สุดทำให้เสร็จก่อนลำดับแรก หากเป็นงานที่เร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ ก็อาจมอบหมายให้ผู้อื่นทำได้ ถ้าเรายังติดงานเร่งด่วนอยู่ 8 ชั่วโมงสำหรับการนอน เราไม่ใช่หุ่นยนต์ ต่อให้เราเป็นยอดมนุษย์แค่ไหน ร่างกายก็ต้องการเวลาพักผ่อน เพื่อฟื้นฟูส่วนที่สึกหรออย่างเต็มที่ 8 ชั่วโมงสำหรับเวลาส่วนตัว ให้เวลาได้ทำในสิ่งที่รัก ในสิ่งที่ชอบ ปล่อยใจให้สบายสร้างกิจกรรมที่ทำให้เรามีความสุข กับ ครอบครัว เพื่อน ความเชื่อ สุขภาพ งานอดิเรก หรือแม้แต่ การยิ้ม ยิ้มให้ตัวเอง ให้คนรอบข้าง ให้คนที่พบเจอ #กฎ888 #สร้างสุข #สมดุลชีวิต #Medicoc #medicoconnect #เมดิโคคอนเน็ค
ผัก ผลไม้ 5 สี บำรุงสายตา อยากมีสุขภาพร่างกายที่ดี การออกกำลังกายอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะ “อาหารที่ดี” ก็เป็นปัจจัยหลักสำคัญที่ส่งผลต่อร่างกาย แต่หากพูดถึงอวัยวะที่สำคัญอย่างดวงตาแล้ว แน่นอนว่ายุคนี้เป็นยุคที่เราใช้สายตามากที่สุด ไหนจะจ้องคอมพิวเตอร์ ตอบไลน์ แชทกับเพื่อน หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ดวงตา…จะบ่งบอกเราได้ทันทีเลยว่าสุขภาพของเราเป็นอย่างไร เอ๊ะ!! แล้วอาหารที่ดีสำหรับดวงตามีอะไรบ้างนะ #นักโภชนาการใจดี มีสุดยอดอาหาร 5 สี ที่ช่วยบำรุงสายตาของเราให้แข็งแรง สดใส มาฝากทุกคนค่ะ ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรกันบ้าง… 1. #อาหารสีแดง ช่วยบำรุงสายตา ชะลอจอประสาทตาเสื่อม เพราะมีสารซีแซนทีน ทำหน้าที่ช่วยกรองหรือป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา และช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย พบในผลโกจิเบอร์รี่ ดังนั้นใครที่ชอบผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ แนะนำเลยทั้งรสชาติอร่อย ทั้งบำรุงสายตา 2. #อาหารสีเหลือง ช่วยลดความเสี่ยงโรคต้อกระจก เพราะมีสารซีแซนทิน สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องดวงตาคุณ ทำหน้าที่ดูดซับแสงส่วนเกินและป้องกันไม่ให้แสงทำลายเลนส์ตาของคุณ เช่น พริกหยวกเหลือง ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และมีวิตามินมากกว่าพริกหวานสีส้มถึง 4 เท่า กินแล้วดีต่อสายตาแน่นอน […]
โรคพิษสุนัขบ้า โรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำเป็นโรคติดเชื้อในระบบประสาทจากสัตว์สู่คน มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต ผู้ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าจะเสียชีวิตเกือบทุกราย เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้ในการรักษา แต่ทั้งนี้โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน พิษสุนัขบ้า ป้องกันได้ – ไม่แหย่ ให้สุนัขโกรธ– ไม่เหยียบโดนสุนัข– ไม่แยกสุนัขที่กัดกันด้วยมือเปล่า– ไม่เหยียบชามข้าวขณะสุนัขกำลังกิน– ไม่เข้าใกล้สัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ ป้องกันด้วย – ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขให้สัตว์เลี้ยง (สุนัข แมว) และให้กับผู้ที่สัมผัสโรค หลังสัมผัสโรค ควรทำ – ล้างแผลทันทีด้วยสบู่และน้ำสะอาด– เช็ดแผลด้วยยา ฆ่าเชื้อโรค– พบแพทย์– กักสัตว์ที่กักไว้ สังเกตอาการอย่างน้อย 10 วัน
โรคอ้วน โรคอ้วน เกิดขึ้นเมื่อมีปริมาณไขมันในร่างกายที่มากเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และมะเร็ง โรคที่ซับซ้อนนี้อาจเป็นผลมาจากปัจจัยที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม อาหาร ปัจจัยส่วนบุคคล ตลอดจนการเลือกออกกำลังกาย การลดน้ำหนักสามารถช่วยรักษาและป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้ โดยอาจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง รวมถึงการเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหาร และออกกำลังกายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้แพทย์อาจให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่คนไข้ เช่น การให้ยา หรือขั้นตอนทางการแพทย์อื่น ๆ เพื่อส่งเสริมการลดน้ำหนั
- 1
- 2